สถานที่ท่องเที่ยวประเทศตุรกี

โบราณสถานแห่งเอฟฟิซุส

เมืองเอฟฟิซุสในตุรกีเป็นโบราณสถานบนฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมค่อนข้างสมบูรณ์ เป็นเมืองที่ทิ้งร่องรอยวัฒนธรรมอีเจียนให้ศึกษา ปัจจุบันอยู่ห่างจากทะเลเข้ามา 4.8 กม. เดิมเคยเป็นเมืองท่าสำคัญในยุคกรีก – โรมัน เพราะทำเลที่ตั้งซึ่งเชื่อมตะวันออกใกล้กับเมืองท่าด้านริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนฝั่งตะวันตก เอฟฟิซุสเป็นที่ที่ชาวไอโอเนียนเคยอาศัยอยู่ราว 1,000 ปีก่อนคริตสกาลร่องรอยและซากปรักหักพังอันยิ่งใหญ่ที่เหลืออยู่เป็นสิ่งยืนยันถึงความรุ่งเรืองของเมืองหลวงของโรมันในฝั่งเอเชีย สมัยจักรพรรดิออกัสตัสได้เป็นอย่างดี ตอนนั้นเอฟฟิซุสเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ทางฝั่งเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เป็นรองแค่กรุงอเล็กซาน เดรียเท่านั้น ปัจจุบันถนนหินอ่อนราว 1.6 กม. ที่รถม้าเคยสัญจรกับอาคารสองฝั่งถนนได้รับการบูรณะซ่อมแซมเสร็จแล้ว รวมถึงโรงมหรสพใหญ่ที่จุผู้ชมได้ถึง 25,000 คน ห้องสมุดเซลซุสอันสง่างาม เป็นห้องสมุดที่ใหญ่ที่สุดและสวยงามแห่งหนึ่งของยุคโบราณวิหารอาร์ทิมิส (หรือไดอาน่าของโรมัน) เพทคู่แฝดของอพอลโล ถือเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ปัจจุบันเหลือเพียงแต่ฐานของวิหาร แต่ในสมัยที่เอฟฟิซุสรุ่งเรืองเมื่อ 356 ปีก่อนคริสตกาลนั้น วิหารหินอ่อนแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าวิหารพาเธนอนในกรุงเอเธนส์ถึง 4 เท่า ประกอบด้วยเสาหินอ่อน 127 ต้นรองรับหลังคากว้าง 18 ม. เอฟฟิซุสรุ่งเรืองต่อมาจนถึงศตวรรษที่ 3 ก่อนถูกทำลายโดยชาวกอธที่รุกรานมาจากทางเหนือของยุโรป รูปปั้นจำนวนมากสูญหาย บางส่วนถูกขนไปใช้สร้างโบสถ์ไปเซนไทน์ในกรุงคอนสแตนดิโนเปิล อย่างไรก็ดี พิพิธภัณฑ์เอฟฟิซุสยังมีโบราณวัตถุจากยุคโรมันและกรีกชิ้นงามที่สุดที่ขุพบในตุรกีวางแสดง

คุซาดิซี (เกาะนก) เป็นเมืองตากอากาศทางชายฝั่งทะเลอีเจียน เหมาะเป็นจุดพักเพื่อไปเที่ยวเอฟฟิซุสและสถานที่น่าเที่ยวอื่นๆ อีกหลายแห่งในบริเวณนั้นได้ หรือจะเลยไปถึงเกาะซามาอสของกรีซทำเลที่เยี่ยมทำให้เมืองประมงเล็กๆ สงบเงียบแห่งนี้แปลงโฉมกลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีผู้คนพลุกพล่าน แต่ยังคงเสน่ห์ของตัวเอง สุดปลายอ่าวตอนนี้มีถนนเชื่อมไปถึงป้อมปราการที่สร้างในยุคไบเซนไทน์ตั้งตระหง่าน คูซาดาซีเป็นเมืองยอดนิยมที่เรือท่องเที่ยวมาแวะขึ้นฝั่ง มีร้านอาหารทะเลชั้นหนึ่งเรียงรายรอบอ่าว และตลาดนัดที่ครึกครื้นพร้อมสินค้าหลากหลาย ตรงแหลมเล็ก ๆ ริมอ่าวมีโรงแรมน่ารักชื่อคิสเม็ต ขนาด 84 ห้อง เจ้าของปัจจุบันคือ รูเมียรา ออซบาส์ สืบเชื้อสายจากมูฮัมเม็ดที่ 6 สุลต่านองค์สุดท้ายของจักรวรรรดออตโตมาน เธอกับฮาลิลสามี และลูกๆ บริหารโรงแรมอย่างวิเศษ โรงแรมติดทะเล 3 ด้าน มีสวนปาล์มสนและต้นราตรี ผู้มาพักจะรู้สึกเหมือนอยู่วิลลาส่วนตัวบนฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตกค่ำเพลินชมอาทิตย์พร้อมจิบราติ ไวน์ท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อ

ประเภท :สถานที่ เมือง โรงแรม
Ephesus: 19 กม. จากทางเหนือของคูซาดาซี และ 172 กม. จากทางเหนือของโบดรุม
ราคา : ค่าเข้าชม
Hotel Kismet : Akyaaar Mevkii, Turkmen Mah, Kusaddasi www.kismet.com.tr
ราคา : ห้องคู่ $120
เมื่อไร : เมษายน – พฤศจิกายน
ช่วงที่ดีที่สุด : ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงสำหรับชมทิวทัศน์มิถุนายนและกรกฎาคมเหมาะเที่ยวทะเล เทศกาลศิลปะลัฒนธรรมที่เอฟฟิซุสจัดทุดต้นเดือนพฤษภาคม นาน 1 สัปดาห์

ตลาดใต้หลังคาและคากาโลกลูฮามาม

ไม่ว่าคุณจะอยากได้อะไรในนครอิสตันบูล ตั้งแต่พรม เครื่องทองเหลือง เครื่องเทศ หรืออะไรก็ตาม คุณหาซื้อได้ในคาปาลีคาร์ซี ที่มีขนาดเท่ากับเมืองย่อมๆ บนพื้นที่ 125 ไร่ ครอบคลุมถนน 65 สาย มีร้านค้า ร้านอาหารและร้านกาแฟกว่า 4,000 แห่ง ภายใต้หลังคาและกำแพงเดียวกัน มีประตูทางเข้า 11 แห่ง สุลต่านผู้พิชิตทรงริเริ่มสร้างตลาดนี้ในช่วงทศวรรษ 1450 มีการสร้างใหม่เพิ่มเติมเรื่อยมาเพราะถูกไฟไหม้ ถือเป็นห้างสรรพสินค้าที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มีสินค้าและของที่ระลึกหลากหลายให้เลือกซื้อ ตั้งแต่พรม อัญมณี เครื่องหนัง เครื่องกระเบื้อง เครื่องทองเหลืองทองแดง และอื่นๆ ไม่ว่าจะเดินในซอกซอยไหน ก็หนีไม่พ้นพ่อค้าที่นำชารินใส่ถ้วยเล็กๆ มาเสนอขาย ขณะนักท่องเที่ยววุ่นวายกับการต่อรองราคา ชาวอิสตันบูลมหาซื้อผ้าหรือกำไลทองเพื่อใช้ในโอกาสพิเศษเป็นครั้งคราวหากอยากได้บรรยากาศของวันเก่าๆ ของแท้ ต้องเดินตามร้านค้าที่อยู่ริมถนน

หลังจับจ่ายเหนื่อยล้า น่าจะลองอาบน้ำแบบเตอร์กิชบาธเพื่อผ่อนคลาย โรงอาบน้ำแบบตุรกีก็ยังมีให้เลือกใช้บริการอยู่ร่วม 100 แห่ง ที่ดีที่สุดคือคากาโลกลู สุลต่านมาห์มือที่ 1 พระราชทานโรงอาบน้ำเป็นของขวัญให้ชาวบ้านในปี 1741 เชื่อกันว่าพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 จักรพรรดิไกเซอร์วิลเฮล์มที่ 2 และฟลอเรนซ์ ไนติงเกลเคยมาเยี่ยมชมห้องอบไอน้ำหินอ่อนสีขาวแห่งนี้ ชาวโรมันเป็นคนเริ่มสร้างโรงอาบน้ำสาธารณะขึ้นก่อนไบเซนไทน์รับวัฒนธรรมนี้ต่อมาและส่งต่อให้ชาวเติร์ก สถานที่อาบน้ำเป็นบริการสาธารณะเพราะในสมัยโบราณน้ำเป็นทรัพยากรที่ขาดแคลน นอกจากนี้ยังช่วยผนวกบทบัญญัติเรื่องความสะอาดตามคำสอนของศาสนาอิสลาม เข้ากับความรื่นรมย์ในสภาพแวดล้อมที่สวยงาม แม้ตามบ้านเรือนในตุรกีปัจจุบันจะมีน้ำใช้สะดวกสบาย แต่การไปโรงอาบน้ำก็เป็นการเข้าสังคมอย่างหนึ่ง

ในสมัยก่อน ผู้ชายที่แอบเข้าไปในโรงอาบน้ำผู้หญิงจะต้องโทษประหารชีวิตถ้าถูกจับได้ โทษนี้ยกเลิกไปแล้ว แต่โรงอาบน้ำทั้งชายและหญิงยังรักษาการตกแต่งภายในแบบออตโตมานไว้โดยไม่เปลี่ยนแปลง

ประเภท :สถานที่
Covered Bazarr: ถนน Yeniceriler กับ Fuatpasa
เมื่อไร : เปิดจันทร์ – เสาร์ Cagaloglu Hamam: อยู่ที่ Yerebatan ที่ Caddesi ใกล้จัตรุสคากาโลกลูใกล้อาเยียโซเฟีย)
ราคา : ค่าเข้าชม

อาเยียโซเฟีย

ยอดโดมขนาดใหญ่และหอยอดแหลมงามประณีตของอายีเกียโซเฟีย (โบสถ์แห่งพระปัญญา) สูงเด่นเป็นสง่านานกว่า 1,000 ปี ปัจจุบันอยูท่ามกลางความจอแจที่ย่านดาวน์ในอิสตันบลู เมื่อย่างเท่าเข้าไปหลบแดดข้านในจะประทับใจกับความงามภายในโบสถ์ที่มลังเมเลืองด้วยแสงสลัว เป็นอาคารพื้นที่กว้างที่สุดในโลก กรุงคอนสแตนติโนเปิลเมืองหลวงของอาณาจักรไบเซนไทน์ก้าวสู่ความเป็นศูนย์กลางทางศาสนา การค้า และศิลปะของโรมันในศตวรรษที่ 6 จักรพรรดิจัสติเนียนเริ่มสร้างโบสถ์ขึ้นทางฝั่งนี้ของทะเลบอสฟอรัส ต่อมาได้รับการขยายจนเป็นโบสถ์ใหญ่ที่สุดในยุคนั้น เป็นสัญลักษณ์แห่งอำนาจและความมั่งคั่งของผู้ปกครองอาณาจักร แต่น่าเสียดายที่ศิลปกรรมอันงดงามที่ทำด้วยทองคำและหินอ่อนถูกทำลายยับเยินสมัยสงครามครูเสดในปี 1204 คอนสแตนติโนเปิลถูกพวกออตโตมานเติร์กยึดครอง โดยในปี 1453 โบสถ์ถูกเปลี่ยนเป็นสุเหร่า ความสำคั๗ญและการใช้งานทางศาสนาถูกเพิกถอนหมดสิ้นในปี 1934 แต่ยังมีคนมาแสวงหาความสงบทางใจที่อาเยียโซเฟียเสมอ และยังเป็นสิ่งก่อสร้างอันสวยงามปลายยุคโบราณที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบัน

โรงแรมโฟร์ซีซันตั้งอยู่ใกล้ๆ จากห้องพักและห้องอาหารของโรงแรมจะเห็นวิวของอาเยียโซเฟียและสุเหร่าน้ำเงินที่โดดเด่นด้วยหอยอดแหลม 6 หอ สุลต่านอาเดที่ 1 ทรงสร้างโบสถ์นี้ในปี 1609 ครั้งหนึ่งโฟร์ซีซันเคยเป็นคุกสำหรับกักกันนักเขียนและนักการเมืองที่ต่อต้านรัฐบาลตั้งแต่ปี 1917 ผู้ต้องโทษเหล่านั้นคงไม่ได้อยู่ในห้องที่หรูหราสะดวกสบาย ไม่มีห้องน้ำโอ่อ่าพร้อมน้ำใช้ฟุ่มเฟือย สวนสวยด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาพันธุ์ มีนกส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้ว เป็นที่ตั้งของภัตตาคารชั้นเยี่ยม นั่งดื่มกาแฟหรือจิบค็อกเทลบนดาดฟ้าโรงแรมยามอาทิตย์ตกดิน ชมทัศนียภาพของนครอิสตันบูลได้เพลิดเพลินใจ ก่อนแสงไฟนีออนจะแปรเปลี่ยนวิวตรงเบื้องหน้าสวยไปอีกแบบ

ประเภท : สถานที่ โรงแรม
Hagia Sophia : อยู่ที่ Sultanahmet
เมื่อไร : อังคาร – อาทิตย์
ราคา : ค่าธรรมเนียม $10
Four Seasons Hotel: www.fourseasons.com/istanbul
ราคา : ห้องคู่เริ่มจาก $320
ช่วงที่ดีที่สุด : เมษายน – ตุลาคม

พิพิธภัณฑ์คาริเย

คาริเย สุเหร่าที่กลายมาเป็นพิพิธัณฑ์แห่งนี้อาจไม่เป็นที่รู้จักมากนักเพราะอยู่ไกลไปสุดชายตะวันตกของนครอิสตันบูล แต่ผู้ที่ไปเยี่ยมชมต้องตะลึงกับความวิจิตรอลังการที่ซ่อนอยู่ที่นี่ แต่เดินเป็นที่ตั้งของโบสถ์โครา (หรือ “ประเทศ”) เริ่มสร้างคาริเยในศตวรรษที่ 5 และมีการสร้างทับใหม่อีกหลายครั้งโครงสร้างและการตกแต่งภายในโบสถ์อันวิจิตรเสร็จในปี 1321 สมบัติล้ำค่าของคาริเยได้แก่ภาพโมเสก แสดงชีวิตพระเยซูบนพื้นทองที่สร้างในศตวรรษที่ 14 ภาพปูนเปียกเล่าเรื่องกำเนิดอดัมตามพระคัมภีร์ และยังมีภาพวาดยุคไบเซนไทน์ที่รวบรวมไว้สมบูรณ์ที่สุดในโลกจัดแสดงยู่ ผู้มาเที่ยวชื่นชมศิลปะล้ำค่าเหล่านี้ได้โดยไม่ต้องเบียดเสียด จากนั้นค่อยๆ ให้ความงามซึมซาบอยู่ในความทรงจำขณะพักดื่มน้ำชาจากระเบียงสวนของพิพิธภัณฑ์ ก่อนกลับอย่าลืมแวะชมบ้านโบราณที่สร้างตั้งแต่สมัยออตโตมาน ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ กลุ่มตึกประวัติศาสตร์เหล่านี้ให้ภาพโอลด์สแตมบุลใต้เงากำแพงเมืองที่สร้างในศตวรรษที่ 5 (สร้างหลังสร้างกรุงคอนสแตนติโนเปิลไม่ถึงร้อยปี) บ้านเรือนเหล่านี้เป็นตึกสูงหลายชั้นบางจุดมีกำแพงหนาถึง 6 ม.

ประเภท : สถานที่
ที่ไหน : เข้าทาง Edirne Gate ตรงเมืองเก่า
ราคา : ค่าเข้าชม
เมื่อไร : วันพุธ – จันทร์
ช่วงที่ดีที่สุด : ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง

สุเหร่าสุไลมานแสนมหัศจรรย์

สุเหร่าแห่งสุลต่านสุลานมีชื่อเสียงในเรื่องความสง่างามของหอบัง ซึ่งเป็หอยอดแหลมและหน้าต่างกระจกสีสเตนกลาสที่สวยงามลือชื่อ ตลอดจนการสะท้อนของเสียงภายในที่ยอดเยี่ยม ถือว่าเป็นสุเหร่าขนาดใหญ่ที่สุดและสวยงามที่สุดในอิสตันบูล ตั้งสง่าอยู่บนเนินเขา นี่คือสัญลักษณ์ของอิสตันบูล ซึ่งเป็นไปตามพระราชประสงค์ของบสุลต่านสุไลมานที่ 1 พระองค์ทรงสร้างสุเหร่าเมื่อปี 1550 – 1557 เพื่อเป็นสุสานและได้ใช้เป็นที่เก็บพระศพของพระองค์กับมเหสีที่ทรงโปรดปรานที่สุด หลังสุเหร่าสร้างเสร็จเพียง 9 ปี หีบพระศพรูปทรงแปดเหลี่ยมตกแต่งเรียบๆ ของไมมาร์ ซีนัน สถาปนิกเอกของตุรกีผู้ออกแบบสถาปัตยกรรมอันน่ามหัศจรรย์ของสุเหร่าแห่งนี้ แต่ถึงแม้ซีนันจะทุ่มแทความคิดสร้างสุเหร่าสุเลมานิเยแห่งนี้ (ซึ่งกลายเป็นสุเหร่าที่มีชื่อเสียงที่สุด) ถวายองค์สุลต่าน แต่เขากลับถือว่าสุเหร่าเซลิมิเย ที่เมืองอีเดิร์น เป็นผลงานชิ้นเอกของตนมากกว่า

ประเภท : สถานที่
ที่ไหน : Hesapesme, Caddesi Beyazit
ราคา : ค่าเข้าชม
ช่วงที่ดีที่สุด : ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง

พระราชวังท็อปคาปิ

พระราชวังท็อปคาปิเป็นที่ประทับของสุลต่านของออตโตมาน 25 พระองค์ที่ปกครองตุรกีนานเกือบ 4 ศตวรรษ ครอบคลุมพื้นที่ 440 ไร่ ตั้งอยู่ตรงช่องแคบบอสฟอรัสภายในแบ่งเป็นห้องต่างๆ จัดแสดงโบราณวัตถุแพรวพราวล้ำค่าที่ทำให้ผู้ชมจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่และความมั่งคั่งของวังซึ่งเคยมีคนอยู่ถึง 40,000 คนแห่งนี้ได้ ขนาดของท็อปคาปิเทียบเท่าเมืองหนึ่ง สมบัติพัสถานสูญหายไปมากแต่ส่วนที่เหลือและตั้งแสดงในห้องเดอะเทรเชอรี่ยังแสดงถึงพระราชอำนาจของสุลต่านแห่งออตโตมาน โดยเฉพาะสุไลมาน “จอมมหัศจรรย์” ได้อย่างดี อาทิ กริชด้ามฝังมรกตเม็ดเขื่อง 3 เม็ด มงกุฎของจักรพรรดิเซลิมที่ 1 ประดับด้วยเพชรพลอยกว่า 25,000 เม็ด และเพชรสปูนเมกเกอร์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก เพชรนี้เคยออกอวดสายตาชาวโลกในพระราชพิธีราชาภิเษกของสุลต่านเมห์เมห์เม็ตที่ 4 ในปี 1648 สิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกอย่างคือฮาเร็ม (แปลว่า “ต้องห้าม” ในภาษาอารบิก) จำนวนนางในเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่อาณาจักรออตโตมานเริ่มเสื่อมลง โดยมีถึง 800 คน ช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เมื่อสุลต่านอับดุลาเมชิดที่ 2 ทรงแลกพระราชวังท็อปคาปิกับพระราชวังโดลมาบาห์เช ซึ่งสร้างเลียนแบบพระราชวังแวร์ซายส์ ตั้งอยู่ริมฝั่งบอสฟอรัสหากอยากรู้ว่าความเป็นอยู่อย่างสุลต่านนั้นเป็นอย่างไร ต้องพักที่สุลต่านสวีตโรงแรมซิรากันพาเลซ ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของสุลต่านอับดุลาซิซเป็นระยะสั้นๆ ในศตวรรษที่ 19 โรงแรมตั้งอยู่บนฝั่งบอสฟอรัส ห่างจากท็อปคาปิไปทางเหนือราวสองกิโลเมตร หากไม่พักห้องสวีตที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปก็พักห้องสแตนดาร์ดของตึกใหม่ที่อยู่ติดกันได้ ทูกรา ห้องอาหารขึ้นชื่อของโรงแรมมีระเบียงชมวิวบอสฟอรัสเสิร์ฟอาหารคลาสสิกแบบออตโตมาน พนักงานจะบริการแขกเสมือนราชาขณะเพลิดเพลินชมวิวและฟังดนตรีขับกล่อมโดยนักดนตรีพื้นเมือง

ประเภท :สถานที่ โรงแรม
Topkapi : ทางเข้าอยู่สุดถนนบาบูฮูมายันหลังอาเยียโซเฟีย
ราคา : ค่าเข้าชม $6
เมื่อไร : วันพุธ – วันจันทร์ Ciragan Palace Hotel อยู่ถนน Ciragan Besiktas cirganpalace@kempinski.com www.ciraganpalace.com
ราคา : ห้องคู่เริ่มที่ $320 สุลต่านสวีตเริ่มที่ $3,500
ช่วงที่ดีที่สุด : ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง

พามุกคาเล

พามุกคาเลหรือปราสารทปุยฝ้ายเป็นดั่งแดนเทพนิยายแห่งธรรมชาติ โดดเด่นด้วยหน้าผาหินสีขาวใหญ่น้อยเรียงลดหลั่นเป็นชั้นๆ เหมือนนาข้าวขั้นบันได สีขาวเกิดจากน้ำแร่จากน้ำพุร้อนกัดเซาะหินปูนนานนับพันๆ ปี ทิ้งแคลเซียมตกตะกอนสะสมเป็นหน้าผาและหินย้อยสวยแปลกตาสีขาวคั่นด้วยแอ่งน้ำสีขาวขุ่น พามุกคาเลเป็นที่พักตากอากาศที่ยอดนิยมตั้งแต่เมื่อโรมันครอบครองแถบนี้ปัจจุบันก็ยังเป็นแหล่งธรรมชาติที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วมุมโลกให้มาชมความมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ ตอนกลางวันผาหินปูนดูเป็นสีขาวโพลนกลางแดดจ้า ตกเย็นสะท้อนแสงหลากสีของพระอาทิตย์ยามอัสดง

การให้นักท่องเที่ยวเดินย่ำน้ำตามแอ่งมีผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของปราสาทปุยฝ้ายแน่ในอนาคตอาจมีกฎห้าม แต่ตอนนี้ยังอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินและนั่งแช่น้ำแร่ในแอ่งตื้นๆ ได้อยู่แต่ถ้าอยากแช่น้ำพุร้อนแบบเต็มตัว ต้องไปที่โรงแรมพามุกคาเลที่อยู่ใกล้ๆ โรงแรมสร้างล้อมโรงอาบน้ำแร่โรมันโบราณ สระน้ำซึ่งมีซากเสาหินโรมันหักจมอยู่ลึกพอให้ว่ายและดำเล่นได้

ประเภท :สถานที่
ที่ไหน : 19 กม. ทางเหนือของเดนิชสี หรือ 220 กม. ทางตะวันออกของคุซาดาซี
ช่วงที่ดีที่สุด : ฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงสำหรับชมทิวทัศน์

แคปปาโดเชีย

การท่องเที่ยวไปบนที่ราบอนาโตเลียในตอนกลางของตุรกีเหมือนการท่องอวกาศเยือนกลุ่มดาวต่างๆ ลมฝนกัดกร่อนและปั้นแต่งภูมิทัศน์ของดินแดนแห่งภูเขาไฟให้มีรูปร่างแปลกตา ไม่ว่าจะเป็นเขารูปเห็ดโคน รูปเจดีย์ทรงแหลม รูปโดม หรือทรงปล่องไฟทั้งสีชมพูหรือสีน้ำตาลสนิมกระจัดกระจายในพื้นที่ 130 ตร.กม. หินบางแท่นสูงเท่าตึก 5 ชั้น คนโบราณที่อาศัยอยู่แถวแคปปาโดเชียขุดหินและเจาะโพรงหน้าผาทำเป็นถ้ำเพื่อเข้าไปพำนักอาศัย บริเวณนี้อยู่ในเส้นทางการค้าของตะวันออกและตะวันตกจึงรับวัฒนธรรมหลากหลาย คริสต์ศาสนิกชนรุ่นแรกเข้ามาในคริสต์ศตวรรษที่ 4 พวกเขาสร้างโบสถ์โดยเลือกเขาทรงโดมและเจาะให้เป็นเสาและม้านั่ง ที่ตั้งพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเคยเป็นนิคมศาสนสถานโบราณ ภาพฝาผนังแบบง่ายๆบางแห่งจากศตวรรษที่ 8 แต่ภาพสไตล์เฟรสโกของยุคไบเซนไทน์ในช่วงศตวรรษที่ 10 ถึง 13 เป็นสิ่งที่น่าทึ่ง

มนุษย์ถ้ำยุคใหม่คงต้องมุ่งหน้าไปพักที่โรงแรมยูนัคเอฟเลริที่สวยและน่ารักไม่มีที่ไหนเหมือนโรงแรมยูนัดเอฟเลริที่สวยและน่ารักไม่มีที่ไหนเหมือนโรงแรมโรแมนติกแห่งนี้ซ่อมแซมบรรดาบ้านในถ้ำเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 5 ขึ้นมาใหม่ได้อย่างมีรสนิยม และเชื่อมต่อถ้ำต่างๆ ให้ถึงกันได้

ประเภท : สถานที่ โรงแรม
ที่ไหน : อรุกูป 450 กม. ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงอังการา
Yunak Evleri: yunak@yunak.com www.yunak.com
ราคา : ห้องคู่เริ่มที่ $100
ช่วงที่ดีที่สุด : เมษายน – มิถุนายน และกันยายน – ตุลาคม